ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิตอย่างไร ให้ผ่านฉลุย

ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต

ขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต ทำอย่างไร วันนี้ Assetconnext เรามีแนวทางดีๆ มาบอก บางครั้งการเป็นหนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ถ้าก่อหนี้ดี เช่น หนี้ที่นำมาลงทุนต่อยอดธุรกิจทำให้ธุรกิจเติบโต หรือหนี้บ้าน หนี้คอนโด หนี้เพื่อที่อยู่อาศัย ลงทุนปล่อยเช่าเพื่อให้งอกเงยในอนาคต อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร บางคนวางแผนการเงินมาดี แต่ก็ยังพลาดเพราะมีค่าใช้จ่ายจำเป็น เกิดอุบัติเหตุ ตกงาน เศรษฐกิจไม่ดี มีปัญหาสุขภาพ ฯลฯ

ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต

ความแน่คือความไม่แน่นอน แม้จะวางแผนมาดีแค่ไหน ก็อาจเกิดอุบัติขึ้นได้ อย่างที่บอกบางคนตกงาน มีปัญหาสุขภาพ หรือต้องแบกรับภาระของครอบครัว ทำให้ส่งผลกระทบทางการเงิน รายรับไม่พอรายจ่าย หนี้สินที่ไปกู้มา จ่ายหนี้ไม่ไหว โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ทั้งนี้ทั้งนั้น แทนที่จะหนีปัญหาควรหันกลับมาแก้ปัญหาอย่างจริงจังด้วยการขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต ไม่ยากอย่างที่คิด

การขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต คือ การขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในการชำระหนี้ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการจ่ายหนี้ โดยไม่ผิดนัดชำระ แน่นอนว่า การที่เราผิดนัดชำระหนี้นั้น ส่งผลต่อประวัติค้างจ่าย กระทบต่อเครดิตบูโร ซึ่งการขอปรับโครงสร้างนี้แต่ละวิธีนั้น ส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตบูโรด้วย ดังนั้น ควรปรึกษาทางสถาบันทางการเงิน ที่เป็นหนี้ ก่อนตัดสินใจดีที่สุด เช่น ปรึกษาปรับโครงสร้างหนี้กรุงไทย ปรับโครงสร้างหนี้ออมสิน ปรับโครงสร้างหนี้ ktc ฯลฯ

ขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต

การขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต ตามธนาคาร

1.ขยายเวลาในการชำระหนี้

หนึ่งในทางเลือกของการปรับโครงสร้างหนี้ คือ การขอขยายเวลาในการชำระหนี้ หรืออธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ก็คือ การยืดเวลาการชำระหนี้ออกไปนั่นเอง ส่งผลทำให้ค่างวดที่เราต้องจ่ายลดลง ยกตัวอย่าง สัญญาฉบับเดิม ระยะเวลาการกู้คือ 10 ปี ต้องชำระค่างวด 10,000 บาทต่อเดือน เมื่อผ่อนชำระหนี้มาแล้วเป็นระยะเวลา 7 ปี จะเหลือระยะเวลาที่ต้องผ่อนอีก 3 ปี เมื่อเราผ่อนต่อไม่ไหว มีปัญหาทางการเงิน รายได้น้อยลงหรือตกงาน ประสบปัญหาทางการเงิน จึงขอปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการขอยืดเวลาออกไป จาก 3 ปี เป็น 5 ปี เพื่อให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลงจาก 10,000 บาท

2.การรีไฟแนนซ์

หลายคนอาจไม่เข้าใจความหมายของการ รีไฟแนนซ์ เคยได้ยินมาบ่อยแต่ไม่เข้าใจว่าจริงๆ คืออะไร การรีไฟแนนซ์อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การเปลี่ยนเจ้าหนี้ หรือการปิดหนี้นั่นเอง มีการเปลี่ยนจากเจ้าหนี้รายเก่ามาเป็นเจ้าหนี้รายใหม่ เมื่อพบข้อเสนอหรือเงื่อนไขที่น่าสนใจมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ จะต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย เช่า ค่าจดจำนอง ค่าประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ ฯลฯ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าหนี้ หรือการทำสัญญาใหม่

3.การขอลดอัตราดอกเบี้ย

การขอปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต วิธีที่ได้รับความนิยมคือการขอลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่างวดที่เราต้องชำระ ในแต่ละเดือนสามารถนำไปตัดเงินต้นให้หมดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างนี้ด้วยการขอลดอัตราดอกเบี้ยนั้น เจ้าหนี้หรือทางสถาบันทางการเงินจะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากอายุของลูกหนี้ ประวัติการชำระหนี้เป็นอย่างไร มีการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ หลังจากมีการขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วย อีกทั้งส่วนมากทางสถาบันทางการเงินจะลดอัตราดอกเบี้ยลงให้แค่ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เช่น 3 เดือนหรือ 6 เดือน ดังนั้น หากคาดการณ์ว่ารายรับจะลดลงเป็นระยะเวลานาน ควรพิจารณาทางเลือกอื่นแทน

4.การขอพักชำระเงินต้น

การชำระคืนเงินกู้ในแต่ละงวดนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ประกอบไปด้วยจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ย ดังนั้น การปรับโครงสร้างนี้ด้วยการของพักชำระเงินต้นนั้น แม้เราจะไม่ได้จ่ายเงินต้นแต่ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยเหมือนเดิม และโดยส่วนมากทางสถาบันทางการเงิน จะให้พักชำระเงินต้นประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น

ปรับโครงสร้างหนี้แบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด

1.จ่ายไหว แต่ต้องการประหยัดรายจ่าย อยากให้ดอกเบี้ยลดลง

หากคุณเป็นลูกหนี้ชั้นดี จ่ายไหวแต่ต้องการประหยัดรายจ่าย อยากลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง แนะนำปรับโครงสร้างหนี้บัตรด้วย วิธีเปลี่ยนประเภทหนี้ เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี อาจขอเปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลากำหนด มีกำหนดเวลาจ่ายเงินคืนชัดเจน และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง หรือขอรีไฟแนนซ์ มองหาสถาบันทางการเงินหรือเจ้าหนี้ใหม่ ที่มีข้อเสนอดีกว่า อัตราดอกเบี้ยถูกกว่า

2.จ่ายได้ไม่เต็มจำนวน จ่ายไม่ได้ตามสัญญา

ในกรณีที่คุณไม่สามารถจ่ายได้เต็มจำนวน ที่ถูกเรียกเก็บ หรือไม่สามารถจ่ายได้ตามสัญญา แนะนำให้ขอปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการขอลดอัตราดอกเบี้ย เหมาะกับคนที่มีรายได้ลดลงชั่วคราว เช่น 3 เดือนหรือ 6 เดือน หรืออาจขอพักชำระเงินต้น เหมาะกับคนที่รายได้ลดลงเพียงชั่วคราวเช่นกัน อีกหนึ่งวิธีคือการขอลดอัตราดอกเบี้ยและขยายเวลาชำระหนี้ จะเหมาะกับคนที่มีรายได้ลดลงเป็นระยะเวลานาน

ทำไมต้องปิดหนี้บัตรเครดิตกับ
Assetconnext

AssetConnext พร้อมปรึกษาช่วยคุณปรับโครงสร้างหนี้บัตร

เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้คุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบอยากปรับโครงสร้างหนี้ ปิดหนี้บัตรเครดิต ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง หรือไม่รู้จะไปปรึกษาใคร สามารถปรึกษาเราได้ AssetConnext ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ช่วยคุณปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต พร้อมให้บริการกู้บ้านเงินเหลือ กู้คอนโดเงินเหลือปิดหนี้ให้ก่อน อนุมัติเร็ว แม้มีหนี้เยอะ กู้ผ่านง่ายได้วงเงินสูงมากกว่าราคาขาย ทำให้มีเงินเหลือสูงสุด 1,000,000 บาท เอาไปใช้จ่ายตอบสนองต่อความต้องการได้ทุกรูปแบบ

เงื่อนไขผู้ที่จะสมัคร
โครงการ

รวมหนี้ สินเชื่อ กู้บ้านเงินเหลือ ปิดหนี้บัตรให้ก่อน

อยากมี Home หรือ Condo ไม่มีเงินก้อน กู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโด เหลือบริการที่ตอบโจทย์ AssetConnext จัดให้ หรือมีหนี้หลายใบ เป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อ จ่ายไม่ไหว อยากปิดหนี้นอกระบบ ก็ปรึกษาเราได้เช่นเดียวกัน เราช่วยปลดล็อคปัญหาทางการเงิน คืนอิสระในการใช้ชีวิตให้กับคุณ

    Banner MB
    คอนโดเงินเหลือ

    Leave a Reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *